วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

ใครจะเชื่อโลโก้ไนกี้ มีค่าออกแบบแค่ 35 ดอลล่าร์

จากที่กล่าวไว้ว่าตราสัญลักษณ์ หรือโลโก้ ไม่ใช่แบรนด์ทว่าในโลกของธุรกิจและการแข่งขัน ตราสัญลักษณ์เป็นเครื่องมือทางการสื่อสารชุดแรก ๆ ที่จะสัมผัสกับผู้บริโภค หลายแบรนด์คงความเป็นออรอจินัล / คลาสสิคของสัญลักษณ์เอาไว้ หลายแบรนด์ใช้สัญลักษณ์เป็นตัวบ่งชี้บุคลิกและวิสัยทัศน์ของสินค้าและองค์กร ความสำเร็จทางการตลาดของแบรนด์ดังของโลก น้อยมากที่จะไม่มีการปรับเปลี่ยนโลโก้

ทางการตลาด โลโก้เป็นการระบุตัวตนขั้นพื้นฐานของสินค้า ควบคู่กับการสร้างแบรนด์สินค้า เพราะสองอย่างนี้ต้องมีความสอดคล้องกลมกลืนกัน เพื่อผนึกพลังกันเป็นองค์ประกอบของสินค้าที่จะสื่อสารออกไปยังลูกค้าเป้าหมายของกิจการ

ดังนั้น การปรับเปลี่ยนโลโก้ของกิจการใดกิจการหนึ่ง ก็เพื่อให้โลโก้ใหม่เหมาะเจาะและสอดรับกับการสื่อตัวตนของสินค้ามากขึ้นนั่นเอง

โดยเฉพาะเมื่อพบว่าโลโก้เดิมไม่สะท้อนสิ่งที่เป็นเป้าหมายของกิจการอย่างเพียงพอ สำหรับงานการตลาดในอนาคต

การปฏิรูปหรือแม้แต่การปฏิวัติโลโก้ จึงเป็นส่วนหนึ่งของ ตำนานของแบรนด์นั้นด้วย

เพียงแต่ในวันนี้ ผู้บริโภคหรือนักการตลาดเองอาจจะลืมไปแล้วว่า แบรนด์นำของโลกมีพัฒนาการของการปรับเปลี่ยนโลโก้มามากน้อยเพียงใด

โลโก้สามารถบอกอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่เป็นประวัติศาสตร์ของการตัดสินใจในเชิงบริหารการตลาดของแบรนด์ชั้นนำได้อย่างดี

บทความนี้จะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงจากอดีตถึงปัจจุบันของ ๘ แบรนด์ดังของโลก ในส่วนที่เป็นการปรับเปลี่ยนโลโก้โดยเฉพาะ เพราะ กลยุทธ์โลโก้เป็นอีกส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและผลักดันแบรนด์ไปสู่ความสำเร็จได้

ดร.วรัตต์ อินทสระ

.............................

จากความสลับซับซ้อนสู่เรื่องราวของความทันสมัย

แอปเปิ้ลเริ่มเมื่อปี ๑๙๗๖ / สตีฟ จ๊อบส์ และสตีฟ วอซนิแอค เริ่มดำเนินธุรกิจของบริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ โดยในเวลานั้นทั้งสองคนได้ออกแบบและสร้างเมนบอร์ดต้นแบบเองในอู่จอดรถ ซึ่งต่อมาถูกครอบครองโดยฮิวเลตต์-แพคการ์ด และ คอมมอดาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำให้คนทั้งสองตัดสินใจตั้งกิจการของตนเอง จึงเริ่มคิดหาโลโก้ที่เหมาะสม

โลโก้แรกของบริษัทแอปเปิ้ล เป็นภาพที่ของเซอร์ ไอแซค นิวตันที่นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล ซึ่งเป็นการสื่อถึงตัวของนิวตันมากกว่าตัวผลแอปเปิ้ล

ต่อมาผู้บริหารบางคนในกิจการ มองว่าธุรกิจของบริษัทแอปเปิ้ลมีความเสี่ยงสูงมากจึงตัดสินใจขายหุ้นของกิจการออกไป การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและแนวทางการบริหาร ทำให้เกิดการทบทวนว่าโลโก้ของกิจการมีความสลับซับซ้อนมากเกินไป จึงไปให้ร็อบ จานอฟฟ์ ดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในทศวรรษ 1980 เป็นผู้ออกแบบโลโก้ใหม่

โลโก้ใหม่ เป็นรูปผลแอปเปิ้ลที่มีรอยกัด และใช้สีรุ้งกับตัวแอปเปิ้ล ซึ่งบริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ได้ใช้โลโก้นี้มาจนถึงปี 1999

จนถึงปลายปี 1999 โลโก้ของแอปเปิ้ลจึงปรับโทนสีมาเป็นสีดำล้วนสีเดียว ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นโลโก้ปัจจุบันที่เป็นสีโทนเทาและขาว

วันนี้ โลโก้ของบริษัทแอปเปิ้ลได้รับการยอมรับว่าเป็นไอคอนของโลโก้ที่ได้รับการจดจำและยอมรับมากที่สุดโลโก้หนึ่งจากผู้คนทั่วโลก ด้วยสีสันแบบเงินชุปโครเมี่ยม

.................................


เรื่องของหอย

แบรนด์ที่สองที่มีตำนานของโลโก้ที่น่าสนใจ คือ โลโก้ของบริษัท เชลล์ โลโก้แรกของเชลล์ เป็นรูปหอยวางราบ ใช้ในช่วงทศวรรษ 1990 โดยตัวโลโก้เน้นภาพเสมือนจริงของหอยเชลล์ และพัฒนาเป็นแบบแนวตั้งที่วางไว้ในกรอบสี่เหลี่ยมสีดำ ในช่วงปี 1904

เพียง 5 ปีต่อมา โลโก้ก็เปลี่ยนอีกครั้งเป็นการปลดปล่อยหอยเชลล์ออกจากกรอบสี่เหลี่ยม แต่ยังใช้สีดำและภาพเสมือนจริงอยู่

ในปี 1930 ภาพโลโก้ของเชลล์ เพียงแต่ปรับโทนสีให้ขาวมากขึ้น และสีดำลดลงแต่ยังคงความเป็นสีขาวดำไว้อย่างเดิม

โลโก้ของเชลล์ถูกปรับอีกครั้งในปี 1948 ด้วยการปฏิวัติโทนสีมาเป็นเหลืองแดง ซึ่งเป็นสีธงชาติสเปนและเอาชื่อแบรนด์ shell ใส่ไว้กลางโลโก้ที่เป็นภาพเสมือนจริงของหอยเชลล์ ในช่วงเวลานั้น เชลล์ได้ปรับโลโก้พร้อมกับการเปิดสถานีบริการน้ำมันแห่งแรกในแคลิฟอร์เนีย

การปรับเปลี่ยนสีสันครั้งนี้ เป็นเหมือนสิ่งมหัศจรรย์สำหรับกิจการก็ว่าได้ เพราะทำให้ยอดการจำหน่ายของสินค้าขายดิบขายดีแบบตั้งตัวไม่ทัน เพราะความเป็นสีของชนชาติสเปน ทำให้พลเมืองเชื้อสายสเปนในแคลิฟอร์เนียให้การต้อนรับเชลล์อย่างท่วมท้น

แต่โลโก้ของเชลล์ก็ยังมีจุดอ่อนเพราะคำว่าเชลล์ตรงกลางโลโก้เป็นสีขาว ทำให้ภาพออกมาเบลอไม่ชัดเจน ยิ่งเป็นยุคก่อนที่จะเกิดเครื่องมืออุปกรณ์สมัยใหม่

ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 เชลล์ได้ปรับโลโก้ของกิจการอีกหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เกิดพัฒนาการของโลโก้ที่ดูง่ายขึ้น ยุ่งเหยิงลดลง เอาคำว่าเชลล์ออกไป เพราะไม่จำเป็น รูปโลโก้ที่เป็นหอยเชลล์อยู่แล้ว สามารถสื่อได้อย่างไม่บิดเบือน และปรากฏว่าการปรับโลโก้ดังกล่าวได้รับการตอบรับจากตลาดดีขึ้นตามลำดับ ในด้านของการจดจำได้และความพอใจในคุณค่าของแบรนด์

นับตั้งแต่ปี 1971 เป็นต้นมา โลโก้ของเชลล์ก็นิ่งมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นผลงานจากการออกแบบของเรย์มอน โลวี่ ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นคนเดียวกับผู้ที่ออกแบบโลโก้ให้กับอีก 2 บริษัทน้ำมันชั้นนำของโลก อย่าง บีพี (BP) และเอ๊กซอน (Exxon)

..................................


ขออนุญาตทำสำเนา

โลโก้ของบริษัทซีร็อกซ์เป็นรายที่ 3 ที่น่าสนใจในการเปลี่ยนวิถีทางของการสร้างโลโก้อย่างชนิดไม่เหลือร่องรอยเดิมเมื่อเกือบ 100 ปีก่อน

เดิมทีซีร็อกซ์ ใช้ชื่อของกิจการว่า ฮาลอยด์ คอมปานี ซึ่งมีกำเนิดในโลกการตลาด เมื่อปี 1906 ทำธุรกิจผลิตกระดาษและอุปกรณ์การล้างรูปภาพถ่าย

จนเมื่อซีร็อกซ์ตัดสินใจเปิดตัวเองในภาพลักษณ์ใหม่ที่ฉีกแนวไปจากเดิม จึงมีการตัดคำว่า ฮาลอยด์ออกไปจากชื่อเต็ม 'ฮาลอยด์ ซีร็อกซ์' ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1961 เหลือแค่เพียงคำว่า 'ซีร็อกซ์'

ด้วยเหตุนี้ โลโก้ของซีร็อกซ์ในปี 1948 จึงปรับโฉมมาเป็นการใช้คำว่า Xerox แถมด้วยอักษรตัวใหญ่ของคำว่า X ตรงกลางโลโก้ เป็นสีเหลืองสด

ไม่น่าเชื่อว่าเพียงอีก 2 ปีต่อมา ผู้บริหารของซีร็อกซ์ก็เปลี่ยนใจใช้สีแดงบนตัวอักษร X แทนสีเหลือง แต่คำว่า Xerox ยังคงเป็นสีขาวในกรอบดำเหมือนเดิม

ตัวอักษรคำว่า Xerox ออกมาอยู่นอกกรอบเป็นครั้งแรกในปี 1961 โดยเป็นคำว่า Xerox บรรทัดแรกสีน้ำเงินและคำว่า Corporation ในบรรทัดที่ 2

หลังจากนั้นอีก 7 ปี คำว่า Corporation ก็หายไปเหลือเพียงคำว่า Xerox สีน้ำเงินและทิศทางของซีร็อกซ์พลิกผันอีกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนโลโก้กลับเป็นข้อความยาวเหยียดสีดำเหนือคำว่า Xerox ด้วยคำว่า The Document Company และเปลี่ยนสีของคำว่า Xerox จากน้ำเงินเป็นสีแดงครั้งแรก

จากปี 2004 จึงตัดข้อความรุกรังออก เหลือเพียงสีแดงโดดเด่นของคำว่า Xerox ที่มีขนาดและรูปลักษณ์เหมือนเมื่อปี 1968

ส่วนโลโก้ปัจจุบัน แม้ว่าจะยังคงเป็นคำว่า Xerox แต่ขนาดที่ใหญ่ขึ้นและตัวอักษรที่ปรับจากตัวอักษรใหญ่ทั้งหมด มาเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็กแทน แถมด้วยเจ้า X ตัวใหญ่สีขาวที่กลับมาอีกครั้งหนึ่ง พร้อมวงกลมสีแดง รวมศตวรรษหนึ่งเปลี่ยนโลโก้ 11 ครั้ง

ทุกวันนี้ บริษัทซีร็อกซ์ หวังว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจระบบดิจิตอลที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นในธุรกิจอุตสาหกรรมเดียวกัน และการขยายตัวในรุกคืบตลาดใหม่ๆ เพื่อหาช่องทางสร้างธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขีดความสามารถในทางธุรกิจ และสมรรถนะทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้การดำเนินงานของลูกค้าง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น ประหยัดขึ้น

โลโก้ใหม่ของซีร็อกซ์จึงเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะสื่อว่าซีร็อกซ์ต้องการเชื่อมโยงไปให้ถึงลูกค้าเป้าหมายให้ได้ ด้วยธุรกิจใหม่ด้านซอฟต์แวร์และงานบริการ ไม่ใช่บริษัทที่ทำได้เพียงพรินเตอร์และอุปกรณ์ถ่ายเอกสารเท่านั้น แต่สามารถช่วยลูกค้าในการบริหารจัดการสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

..............................


บีเอ็มดับบลิวหนักแน่นและมั่นคง

โลโก้รายที่ 4 ที่น่าจะกล่าวถึงคือ บริษัทบีเอ็มดับบลิว ซึ่งมีโลโก้ดั้งเดิมกับโลโก้ปัจจุบันใกล้เคียงกันมาก จนสะท้อนถึงความคงเส้นคงวา ความหนักแน่นและมั่นคงของแนวคิดทางการตลาดได้ดี แม้ว่าจะปรับโฉมถึง 6 ครั้ง

ความเปลี่ยนแปลงของโลโก้ของบีเอ็มดับบลิว จึงมีไม่กี่อย่าง เช่น

- การทำให้สีขาวน้ำเงินตรงกลางมีมิติของความลึกมากขึ้น จนดูเห็นความนูน

- คำว่า BMW สีเหลือง ได้ปรับเป็นสีขาวตั้งแต่ปี 1936

ที่จริงมีอยู่ช่วงหนึ่งคือระหว่างทศวรรษ 1970-1980 ที่บีเอ็มดับบลิวทำท่าจะฉีกแนวคิดเกี่ยวกับ โลโก้ที่แตกต่างไปจากเดิม มีการดีไซน์ใหม่ทันสมัยมากขึ้นแทรกสีแดงเข้าไปด้วย

ส่วนการที่โลโก้ของบีเอ็มดับบลิวเป็นสีขาวกับน้ำเงิน ก็เพราะต้องการสื่อให้เห็นความเป็นผู้ประกอบการด้านเครื่องยนต์ของเครื่องบิน สีขาวน้ำเงินจึงน่าจะเป็นตัวแทนของท้องฟ้า และยังเป็นสีดั้งเดิมของชื่อเต็มเป็นภาษาอังกฤษของบีเอ็มดับบลิวว่า Bavarian Motor Works

.........................

ไนกี้กับค่าออกแบบ 35 ดอลล่าร์

โลโก้ที่ 5 คือ ไนกี้ ซึ่งคนที่ออกแบบโลโก้ให้กับไนกี้เป็นรายแรกเป็นเพียงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยพาร์ตแลนด์ สเตท ยูนิเวอร์ซิตี้ ชี่อ แครอลีน เดวิดสัน ในปี 1971 โดยได้รับค่าตอบแทนเพียง 35 ดอลล่าร์สำหรับค่าออกแบบ

ในปี 1979 โลโก้ของไนกี้เปลี่ยนแปลงไป 2 ประเภท

- คำว่า ไนกี้ปรับจากตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็กเป็นตัวใหญ่หรือจาก nike เป็น NIKE

- เครื่องหมายที่เหมือนคำว่าถูก ได้แยกจากการทบบนคำว่าไนกี้เป็นมาอยู่ใต้คำว่าไนกี้แทน

ในปี 1985 คำว่าไนกี้ได้ปรับโฉมด้วยการเอาไปใส่ในกรอบสีแดง ล้อมรอบคำว่าไนกี้และสัญลักษณ์ถูก ( ) สีขาว

จนในที่สุด โลโก้ของไนกี้ได้กลับสู่สามัญและความเรียบง่ายได้ใจความด้วยสัญลักษณ์ สีแดงเพียงอย่างเดียว


..................................

ไอบีเอ็มเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง

โลโก้ที่หกเป็นของไอบีเอ็ม หรือชื่อเต็มว่า International Business Machines Corporation ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของบริษัท ๒ บริษัทเข้าด้วยกัน โลโก้ของกิจการจึงเปลี่ยนเป็นการเอาชื่อบริษัทมาทำรูปแบบคล้ายลูกโลก

ปลายทศวรรษ ๑๙๔๐ บริษัทไอบีเอ็มก้าวสู่โลกของธุรกิจคอมพิวเตอร์อย่างเต็มตัว ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดของกิจการ เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถอดรูป และการปรับโลโก้ช่วยเสริมได้ไม่น้อย

ในปี ๑๙๔๗ ไอบีเอ็มตัดสินใจปรับเปลี่ยนโลโก้ของกิจการในช่วง ๒ ทศวรรษสู่รูปแบบที่เรียบง่ายและจำได้ง่าย เป็น 'IBM' แทนชื่อเต็มที่ยาวเหยียดของบริษัท โดยใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ที่มีแต่ขอบเส้นเจาะด้วยสีขาว

ปี ๑๙๕๖ ตัวอักษรคำว่า IBM เปลี่ยนมาเป็นสีดำทึบเพื่อให้ดูหนักแน่นขึ้น มีพื้นสีเข้มหนักแน่นขึ้น และเพื่อประกาศความเปลี่ยนแปลงในระดับบริหารจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก และต้องการเปิดศักราชใหม่ทางธุรกิจ

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกคราวของไอบีเอ็มเกิดในปี ๑๙๗๒ เมื่อมีการปรับสีของตัวอักษร IBM เป็นสีฟ้าและมีการใช้เส้นสีขาวตัดขวางตลอดแนว เพื่อสื่อให้เห็นถึงความรวดเร็วและการปรับตัวไม่หยุดยิ่ง  (Speed and dynamism)

.............................

แคนอนกับเจ้าแม่กวนอิม

รายต่อมาคือ รายที่ 7 แคนอน ที่มาของโลโก้ของกิจการเกิดขึ้นในปี 1934 เมื่อนายโยชิดะ และลูกเขยคือ ซาบูโร อูชิดะ และทาเคโอะ ไมดะ ร่วมกันเปิดตัวกล้องถ่ายรูปรุ่นแรกที่ใช้ชื่อว่า Kwanon เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อของเจ้าแม่กวนอิม และใช้ปางพันมือของเจ้าแม่กวนอิมเป็นสัญลักษณ์

จากนั้นเป็นในช่วงเวลาที่ยาวนานของบริษัทแคนอน ที่เลือกใช้ความชัดเจนในส่วนของตัวอักษร C เอนไปหาตัว a ซึ่งเป็นตัวสะกดที่สอง

การเปลี่ยนแปลงจาก Kwanon และ Canon มีการออกเสียงที่ใกล้เคียงกันมาก ทำให้บริษัทไม่ประสบปัญหาแม้แต่น้อยในการเปลี่ยนชื่อกิจการและโลโก้ ซึ่งในปัจจุบันชาวญี่ปุ่นรุ่นเก่าบางคนยังคงเรียกชื่อเดิมของบริษัท

คำว่าแคนอนจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าจริงในปี ๑๙๓๕ หลังจากนั้นคำว่า Canon ก็มีการปรับเพียงเล็กน้อย ด้วยการลดหรือเพิ่มความหนาของตัวอักษรที่เป็นโลโก้เท่านั้นเอง

.........................


เปิดโลกกับกูเกิ้ล

รายที่แปดเป็นโลโก้ของกูเกิ้ล ซึ่งเริ่มเมื่อปี ๑๙๙๖ นี่เองโดยนักศึกษาจากสแตนฟอร์ด ยูนิเวอร์ซิตี้ คนที่ร่วมกันสร้าง เสิร์จ เอนจิ้น ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นแบรนด์กูเกิ้ล โดยยกเลิกชื่อเดิมคือ BackRub

คำว่า กูเกิ้ล แผลงมาจากคำว่า Googol หมายถึง เลข 1 ที่ตามด้วย เลข 0 อีก 100 ตัว

(n.The number 10 raised to the power 100 (10100), written out as the numeral 1 followed by 100 zeros.)

แบรนด์กูเกิ้ลดอทคอม เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี ๑๙๙๘ นำกิจการเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต แต่ก็ยังไม่สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวในการค้นหาข้อมูล

ต่อมาการประกอบการเริ่มปรับมาอยู่ในรูปของบริษัท กูเกิ้ล โดยใช้โรงจอดรถของเพื่อนเป็นสำนักงาน

โลโก้ของกูเกิ้ลคิดโดย 1 ใน 2 ของผู้ก่อตั้ง ความเปลี่ยนแปลงไปของโลโก้กูเกิ้ลอย่างหนึ่ง คือเจ้าเครื่องหมายตกใจ ! ที่เข้าๆ ออกๆ จากโลโก้เป็นพักๆ ศิลปะจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชื่อ รัช เคดาร์ และได้ใช้โลโก้ดังกล่าวมาจนถึงทุกวันนี้

จุดเด่นที่สำคัญของโลโก้ของกูเกิ้ลที่ไม่เคยพบมาก่อนในแบรนด์อื่นๆ คือการปรับเปลี่ยนโลโก้เป็นครั้งคราวตามเทศกาลพิเศษ และโอกาสเฉพาะกิจ (เรียกว่า Doodle ค้นหาเพิ่มเติมจากการพิมพ์ Google แล้ว Search คำว่า Doodle ฮา....)

ทำให้โลโก้ของกูเกิ้ลทำหน้าที่ในการส่งเสริมการจำหน่าย และทำให้ผู้เข้ามาสู่เว็บไซต์ได้ประหลาดใจเป็นพักๆ

นักการตลาดจึงยกย่องโลโก้ของกูเกิ้ลว่าเป็นโลโก้ของธุรกิจที่มีชีวิตชีวาและไม่ยึดติดกับความจำเจอย่างแท้จริง สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีการปรับตัวและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์อย่างครบวงจร


................

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องฉาบฉวยหรือแค่การปรับโลโก้อย่างเดียว หากแต่เบื้องหลังคือการปรับแบรนด์ (Re-brand) จึงควรเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับหัวใจของกิจการอย่างแท้จริง

หมายเหตุบันทึก

ส่วนใหญ่การปรับแบรนด์จะเกิดในช่วงต้นปี เพราะปีใหม่กับโลโก้ใหม่มักจะเป็นเครื่องที่ไปด้วยกันได้ดีกว่าช่วงอื่นๆ ช่วงเวลาปีใหม่จึงมักจะเป็นช่วงเป้าหมายในการปรับแบรนด์หรือโลโก้ของบริษัทชั้นนำทั้งหลายของโลก


เพิ่มเติมให้โลโก้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ด้ว แอนนิเมชั่น ของบริษัทสร้างภาพยนตร์

พิกซาปะทะวอลลอี (Pixar vs Wall E) เพื่อแสดงให้เห็นว่า

นี่คือตัวอย่างของการนำโลโก้ไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับบุคลิกขององค์กร



เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นกันต่อ


2 ความคิดเห็น:

  1. เริ่มด้วยกาแฟ แต่ไม่จบที่กาแฟ
    สตาร์บัคส์เปลี่ยนโลโก้ใหม่ สตาร์บัคส์เองเคยเปลี่ยนรูปแบบโลโก้มาแล้วทั้งหมด 3 ครั้งในปี 1971, 1987, 1992 ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนที่ดีขึ้นเรื่อยๆ สตาร์บัคส์มองว่าปี 2011 เป็นเวลาที่ควรแก่การปรับเปลี่ยนโลโก้อีกครั้งหนึ่ง สตาร์บัคส์มองว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องมีคำว่า Starbucks Coffee บนโลโก้อีกต่อไป เพราะใครที่ได้เห็นนางเงือกสาวสีเขียวที่อยู่กันมานานกว่า 40 ปี ก็ต้องรู้แล้วว่านี้คือร้านกาแฟสตาร์บัคส์ จึงเห็นว่าไม่น่าจะจำเป็นอีกต่อไปที่จะต้องมีตัวหนังสือคำว่า Starbakcs Coffee เหลือเพียงนางเงือกที่ถูกปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้น โลโก้ที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ จะช่วยตอบโจทย์ทิศทางธุรกิจของสตาร์บัคส์ในอนาคต ที่ต้องการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่มากกว่าขายกาแฟ และเชื่อว่าจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น

    อนวัช สวนกูล G1 415

    ตอบลบ
  2. เพิ่มเติม Logo coca-cola
    โค้ก หรือโคคาโคล่า คือเครื่องหมายการค้าของบริษัทโคคาโคล่า สำนักงานใหญ่อยู่ที่ แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย โค้กเป็นน้ำอัดลมชนิดโคล่า ที่ได้รับความนิยมในมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โดยมีคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญคือ เป๊ปซี่ โค้กถูกคิดค้นโดย จอห์น เพมเบอร์ตัน (John Pemberton) ทหารในกองทัพสหรัฐ
    ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงแม้ว่าโค้กจะถูกอ้างถึงในกรณีที่เป็นเครื่องดื่มที่ทำให้เสียสุขภาพ เช่น ทำให้ฟันผุ ทำให้ปวดท้อง หรือเป็นโรคอ้วน แต่โค้กยังคงได้รับความนิยมทั่วโลกในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20
    ในประเทศไทย โค้ก ผลิตและจัดจำหน่ายโดย บริษัทไทยน้ำทิพย์ และบริษัทหาดทิพย์ เฉพาะในเขตภาคใต้
    โคคาโคล่า ถูกออกมาเผยแพร่ต่อหน้าประชาชนครั้งแรกในปี 1886 โลโก้อย่างเป็นทางการของโคคาโคล่า ปรากฏตัวครั้งแรกในนิตยสาร Atlanta ในปีเดียวกันนั้นเอง ซึ่งเป็นทั้งแบบ Slab Serif คือใส่ขอบตัวพิมพ์หนาๆให้เด่นชัด และแบบ Sans Serif คือแบบตัวไม่มีขอบ จนกระทั่งกลางปี 1887 แฟรงค์ โรบินสัน (Frank Robinson) พนักงานบัญชีของโคคาโคล่า ได้ร่างตัวเขียนแบบสเปนเซอร์ ซึ่งกลายมาเป็นแบบโลโก้ที่ถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน
    ในช่วง 10-20 ปีแรกนั้น มีโลโก้ของโคคาโคล่า ออกมาเรื่อยๆ นับว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าเป๊ปซี่เสียอีก โลโก้ถูกร่างขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งปี 1930s-1940s ก็เริ่มมีตัวโลโก้ที่แน่นอน
    ช่วงปลายปี 1950s ย่างเข้าช่วงต้นปี 1960 วิวัฒนาการของโลโก้โคคาโคล่า ก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีลักษณะแบบ “หางปลา” เข้ามาพร้อมกับรูปร่างที่เข้าที่เข้าทางกว่าเดิม
    จากนั้นไม่นาน ลิปปินคอทท์ เมอร์เซอร์ (Lippincott Mercer) ก็ให้เราได้รู้จักกับโคคาโคล่า ที่เห็นได้ทุกหนทุกแห่ง ด้วยการทำให้ตัวอักษรดูดีสอดคล้องกัน
    “New Coke” เปิดตัวอีกครั้งในปี 1985 ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ โลโก้ถูกเปลี่ยนแบไม่มีร่องรอยของเก่าเลยแม่แต่น้อย เล่นเอาลูกค้าไม่พอใจกับรสชาติที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ในช่วงเวลาเดียวกัน ในปี 1986 แลนดอร์ (Landor) เริ่มผลิตเครื่องดื่มออกมาจำนวนมาก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
    แต่ที่น่าแปลกใจนั่นคือ โลโก้ที่เราเห็นในวันนี้ แทบจะไม่แตกต่างไปจาก 124 ปีที่แล้วเลย!!

    ขอบคุณที่มาจาก : http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=665997&chapter=2

    ศิรินาถ ศิริรัตน์ 51122760437 G1

    ตอบลบ