วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ต้มยำกุ้ง / ต้มโคล้ง/ ต้มแช่บ / ต้มเปรตปลาไหล / ต้มยำเห็ดฟาง / เขียวหวาน / ข่าไก่

เรื่องเล่าหลังห้องเรียนมาช้ากว่าปกติ

แต่ก็ยังมานะ....เข้าทำนองมาช้าดีกว่าไม่มา แต่นักศึกษาบางคนอาจคิดว่า
ไม่มาก็ได้ จะได้ไม่ต้องตามอ่าน ถ้าใครคิดแบบนี้ขอบอกว่า จะตามหลอกลอนโดยการ
บังคับให้อ่านก่อนสอบ ฮาาาาาาา....

เอาเรื่องของห้องเรียนโฆษณาล่ะกันนะ อังคารที่ผ่านมานัดกันเรียนตอนเที่ยงครึ่ง
ซึ่งก็คลับคล้ายคลับคลาว่าบอกนักศึกษาไปแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจจึงโทร.หาหัวหน้าห้อง

"อาจารย์วรัตต์นะ วันนี้เราเรียนกันเที่ยงครึ่งใช่ป่ะ"

"บ่ายโมงครับ"

เง้อ......หรือเราจะจำผิดเอง เอาล่ะบ่ายโมงก็บ่ายโมง ตอนนั้นเวลาเที่ยงยี่สิบ
ก็เลยชิวๆ ไปนั่งกินซากไก่กับซากผักที่โฮมเบอเกอรี่ ทำไมเรียกแบบนั้นขอให้ท่านทั้งหลาย
ไปพิสูจน์เอาเอง

เดินขึ้นห้องสอนปรากฏว่ารักศึกษาเต็มห้องอีกแล้ว

"เอ้า...ทำไมมากันเร็วจริง"

ประสานเสียงพร้อมกันตอบกลับดั่งออเคสตร้าวงใหญ่

"อาจารย์มาช้า"

หง่ะ...เอาล่ะสิ ลางสังหรณ์ว่านัดเที่ยงครึ่งเป็นจริง สรุปว่าเดี๋ยวต้องไปจัดการกับ
หัวหน้าห้องที่สื่อสารผิดพลาด ไม่รู้เป็นไงไอ้พวกที่เรียนนิเทศฯ เรียนการสือสารเนี่ย!!!
มักจะสื่อสารกับคนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่อง ฮา.....

วันนี้ห้องเรียนแปลกหูแปลกตามาก อันเนื่องมาจากว่าผมให้นักศึกษาแต่งชุดไพรเวท
คือ ใครแต่งชุดนักศึกษามาวันนี้ ไล่ออกจากห้องไปเลย (โหดป่ะล่ะ)

มันมีสาเหตุครับ เพราะเนื้อหาวันนี้ผมจะใส่เรื่องครีเอทีฟ ซึ่งผมคิดว่าเริ่มจากการแต่งตัวของ
นักศึกษานี่แหละ ถือเสียว่าปลดปล่อยความอยากของนักศึกษา (ที่ไม่ค้อยปลื้มกัุบชุดนักศึกษา) +
เอาชุดที่แต่งมานั่นแหละเป็นสื่อการสอน (คริคริ)

ผมจึงได้เห็นเด็กฮิปฮอป / เด็กชนบท / เด็กเซ็กซี่ / เด็กสีสันสุดฤทธิ์ มานั่งเรียนปะปนกันอยู่ในห้อง
บรรยากาศเหมือนห้องเรียนเมืองนอกไม่มีผิด

ผมเริ่มทักทาย นักศึกษาที่เริ่มจะหลับตั้งแต่ยังไม่เรียน ว่า

"คุณคิดได้ไงแต่งตัวมาแบบนี้ เสื้อนอกลายเสือ เสื้อในสายเดี่ยว กางเกงสั้น รองเท้าส้นเตี้ย
มั่นใจแล้วเหรอว่าดูดี"

ฮา........

ทำเอานักศึกษาที่ถูกทักหมดความมั่นใจไปเยอะ แต่ก็รวมพลังตอบกลับมาว่า

"มั่นมากค่ะ"

ผมทักนักศึกษาอีกหลายคน จากชุดที่เค้าแต่งมานั่นแหละ เพื่อสรุปว่า

"ครีเอทีฟมันเกิดขึ้นได้ทุกเวลา เราเองอาจไม่รู้ตัวว่ามันเกิด การแต่งตัววันนี้ทุกคนไม่ได้แต่งมามั่ว ๆ
แต่เลือกแล้ว คัดแล้ว ดูกระจกแล้ว หมุนรอบตัวหลายรอบแล้วว่าแต่งออกมาแล้วหมาไม่ไล่กัด
มันคือความคิดสร้างสรรค์ในการจับองค์ประกอบต่าง ๆ มารวมกันให้สวยงาม คนแต่งมั่นใจ
คนดูก็มั่นใจ มันก็ไม่ต่างกับการสร้างงานโฆษณาสักเท่าไหร่ คุณต้องมั่นใจในสิ่งที่คุณคิดคุณทำก่อน
ถึงจะทำให้คนอื่นมั่นใจในงานของคุณ"

ผมว่าเค้าจดไม่ทัน แต่เค้าเข้าใจ

"ครีเอทีฟมันคือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ก็จริง แต่อย่าลืมว่าการคิดสร้างสรรค์มันยังมีเรื่อง
ของการแก้ปัญหาอยู่ด้วย"

จากนั้นผมเริ่มต้นเข้าพาวเวอร์พ้อยต์ที่ทำมาอย่างสวยงาม

เฟรมแรกปรากฏรูปภูเขาน้ำแข็งลูกเบ้อเริ่ม

ผมเปรียบเทียบให้นักศึกษาฟังว่า ครีเอทีฟดีดีในงานโฆษณา ภาพสวย ๆ ไอเดียเจ๋งๆ
ที่เราเห็นกันแล้วอ้าปากค้าง ร้องว่า "แม่งคิดได้ไงวะ" มันเหมือนกับยอดภูเขาน้ำแข็ง
แต่พื้นฐานสำคัญของครีเอทีฟ มันเริ่มต้นที่สิ่งที่คนดูโฆษณาไม่เคยมองเห็น นั่นคือ
น้ำแข็งขนาดมหึมาที่ซุกตัวอยู่ในมหาสมุทร มันทำหน้าที่รองรับ พยุง ให้ยอดภูเขา
โดดเด่นเป็นสง่า รอไททานิคพุ่งชน

สิ่งที่อยู่ให้ทะเลนั่นคือ "ข้อมูลและการจัดเรียงข้อมูล" งานออกแบบทุกอย่าง
"ต้องเริ่มต้นที่ข้อมูลที่หนาแน่นก่อน"

เหมือนกับปิรามิดที่ทนแดด ลม ฝน ทราย ได้เป็นพันปี "เพราะมีฐานที่แข็งแรง"

ข้อมูลคือรากฐานสำคัญของการออกแบบและครีเอทีฟครับ !!!!!

.....................................................

หลังจากนั้นผมเริ่มอธิบายความหมายของ Concept ซึ่งหลายคนแปลเป็นไทยว่า
"แนวความคิด" แต่ขอเถอะครับ ขอให้เปลี่ยนคำแปลเรื่องนี้ให้เป็น "ต้นทางความคิด"
จะชัดเจนกว่า ดังจะอรรถาธิบายตามความต่อไปนี้

"เดี๋ยวหมดชั่วโมงแล้วไปกินข้าวเย็นกัน"

นักศึกษาทำหน้างงเป็นหมา่สงสัย ก่อนที่ผมจะเสียตังค์เลี้ยงข้าวเย็น
เพราะหลายคนเริ่มคิดเมนูในใจ ผมสวนคำพูดไปในจินตนาการของพวกเค้าทันที

"เอ้า..ใครอยากกินอะไรบอกมา"

เขียวหวาน / ส้มตำ / สเต๊ก / ไ่ก่ย่าง / ข้าวผัดปู

นั่นหล่ะครับที่ตอบกันมา...เห็นหรือยังครับว่า สิ่งที่ทำให้คำตอบกระจัดกระจายเพราะอะไร

เพราะต้นทางความคิด Concept มันไม่ชัดเจนไงเล่า....?

งั้นเอาใหม่นะ "เย็นนี้จะพาไปกินข้าวขอเป็นอาหารไทยนะ อาหารฝรั่งกินทุกมวันหล่ะ เบื่อ"

นักศึกษาตอบมาว่า เขียวหวาน / ต้มยำกุ้ง / ต้มโคล้ง / ต้มข่าไก่ / ข้าวเหนียวไก่ย่าง

ว้าวววววว!!! เห็นหรือยังครับว่า ถ้าต้นทางความคิดมันชัดเจนขึ้น คำตอบก็จะชัดแจ๋วแหวว

ลองใหม่ "เย็นนี้จะพาไปกินข้าวขอเป็นอาหารไทยรสแซ่บมีน้ำซด"

ต้มยำกุ้ง / ต้มโคล้ง/ ต้มแช่บ / ต้มเปรตปลาไหล / ต้มยำเห็ดฟาง

ชัดเลยที่นี้ชัดเลย....ทวนต้นทางความคิดทั้ง ๓ ประโยคกันอีกทีนะครับ

"เอ้า..ใครอยากกินอะไรบอกมา" / "เย็นนี้จะพาไปกินข้าวขอเป็นอาหารไทยนะ" และ

"เย็นนี้จะพาไปกินข้าวขอเป็นอาหารไทยรสแซ่บมีน้ำซด"

เมื่อต้นทางความคิดชัดเจน คำตอบก็จะชัดเจนตามไปด้วย
หลังจบประเด็นนี้ ทั้งคนสอนทั้งนักศึกษา กลืนน้ำลายเอื๊อก ๆ นึกภาพ
ต้มยำกุ้ง / ต้มโคล้ง/ ต้มแช่บ / ต้มเปรตปลาไหล / ต้มยำเห็ดฟาง / เขียวหวาน / ข่าไก่
ตามไปในจินตนาการอย่างไม่ลดละ

......................................................

นักศึกษาเริ่มจะเข้าใจคอนเซป หรือ ต้นทางความคิดบ้างแล้ว
แต่คอนเซปที่ดี มันมีคำว่า Only one message ซ่อนอยู่ด้วยนะครับ

ผมเริ่มกิจกรรมใหม่ด้วยการให้พวกเค้าบอกคอนเซปการใช้ชีวิตแชร์มาให้รู้กันหน่อย

พอดีเหลือบไปเห็นนักศึกษาคนหนึ่งยกกระจกมากรีดอายไลน์เนอร์

"คอนเซปชีวิต เช่น สวยทุกวินาที" < พร้อมยิงเลเซอร์รูปจานบิน ไปที่นักศึกษาคนนั้น

ฮา............อายไลน์เนอร์กรีดไปได้ข้างเดียว แต่สักพักก็กรีดต่อ เพราะเกรงว่าจะผิดคอนเซป

"เอาล่ะ แชร์ไอเดียเรื่องคอนเซปการใช้ชีวิตามาให้ฟังหน่อย ขอแบบ Only one message
จุดเด่นประเด็นเดียวนะครับ"

ผมเลยรู้ว่าแต่ละคนมีวิถีดำเนินชีวิตอย่างไร ถือเป็นกำไรของผู้สอนครับที่ได้รับรู้ว่า
นักศึกษาสมัยนี้นอกห้องเรียน เค้ามีเส้นทางอย่างไร คำตอบได้มาประมาณนี้ครับ

"คิดบวก / เป็นคนดี / ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน / มุ่งมั่นหาเงิน / มองโลกในแง่ดี"

ถ้านักศึกษาทำได้อย่างที่วางต้นทางความคิดในการใช้ชีวิตจริง ๆ โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นเยอะ
นักศึกษาเจ้าองคำตอบ เริ่มอธิบายขยายความว่า

คิดบวก เวลารถติดอย่าหงุดหงิดให้เอาหนังสือมาอ่าน เราได้ความรู้เพิ่มขึ้นด้วย
(วิ้วววววว์ ... ปรบมือ)

เป็นคนดี แค่คิดว่าจะเป็นคนดี เราก็ไม่เลวแล้ว

(วิ้วววววว?...... ปรบมืออีก)

ผมเสริมว่า.."ถ้าอย่างนั้นคนนี้ (ชี้ไปที่คนตอบเมื่อกี้) เป็นนักการเมืองไม่ได้นะ"
(วิ้วววววว์ .... ถูกใจ)

ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ถึงเราจะไม่ได้เป็นคนดีคนเก่ง แต่ต้องคิดเสมอว่าทุกอย่างที่เราทำลงไป
จะไม่มีใครมีปัญหาเพราะการกระทำ คำพูดของเรา
(วิ้วววววว ... ปรบมือฉาดใหญ่)

มุ่งมั่นหาเงิน ทำงานพร้อมกับเรียนเพื่อช่วยเหลือภาระทางครอบครัว
(อืมม์..คนนี้เด็กกตัญญู)

ต้นทางของความคิดที่ซุกซ่อนจุดเด่นประเด็นเดียว concept +Only one message
จากกิจกรรมในชั้นเรียนสนุกมั้ยล่า!!!!!

....................................................

ผมใช้เวลาสร้างบรรยากาศชั้นเรียนอยู่ ๑ ชั่วโมงเต็ม อีกชั่วโมงที่เหลือพวกเราสนุกกับ
การได้เห็น concept +Only one message ในงานโฆษณากันเต็มคราบ ผมขอยกตัวอย่าง
Print Ad. ที่ดูสนุกมาเป็นไอเดียสรุปของชั้นเรียน (นอกห้อง) วันนี้นะครับ

funny print ads

ก๊อกน้ำ : concept +Only one message สวย


พิซซ่าฮัท : concept +Only one message ร้อนตลอดเวลา

เอเวอร์เรดี้ : concept +Only one message ใช้งานได้นาน


โฟล์สวาเก้น :concept +Only one message แข็งแรง (วัสดุการผลิต)


ไบกอน :concept +Only one message กำจัดแมลง (แม้แต่ไอ้แมงมุมที่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ยังม้วย)

funny print ads

อีกยี่ห้อหนึ่ง.... concept +Only one message กำจัดแมลงไม่เหลือ (กบกินแมลงยังต้องออกมาของานทำ ฮา...)

และนี่คือสุดยอดของ print ad


ตีความกันเอาเองเด้อจ้า

ดร.วรัตต์ อินทสระ
(วันที่คิดถึงหมูปิ้งกับซูชิ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น