แปะ ๆ ....
ถ้าใครปรบมือแปะ ๆ แสดงว่าคิดไม่แตกต่าง มันต้องสร้างความแตกต่างด้วย
เสียงอื่น ๆ เช่น
หากพวกเรากำลังสบายจงปรบมือพลัน
ตับ ๆ
แบบนี้ถึงจะเหมาะสมกับคนที่เรียนวิชาที่เกี่ยวข่องกับความคิดสร้างสรรค์หน่อย
บล็อกนี้สงบนิ่งไปนาน เนื่องจากเหตุสำคัญประการเดียวนั่น คือ "ขี้เกียจ"
ชัดมั้ย???
เป็นเรื่องปกตินะครับ ที่จะมีอารมณ์แบบอยากนอนเกาสะดือเล่นเฉย ๆ โดยไม่ต้องคิดอะไร
ให้เสียสมอง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องยึดหลัก "เกิดมาเพื่อเรียนรู้อยู่อย่างสม่ำเสมอ" ลงมือ
กระหน่ำคีย์บอร์ด ส่งเรื่องราวที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์โภชผลกับนักศึกษาให้เปิดหูเปิดตา
ว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่กว่าที่คิดต่อไป....
วันนี้จะว่ากันด้วยเรื่องของ Minimalist ซึ่งไม่ได้แปลว่า "สัตว์" นะครับ
Minimal ไม่ใช่ Animal โปรดฟังให้จบเพลง
Minimalist คือ "น้อยๆแต่คิดเยอะๆ"
....................................................
เรื่องน้อยแต่มากเนี่ยเคยให้คำนิยามแบบละเอียดไปแล้วครั้งหนึ่ง แปลเป็นไทยว่า
"ลัทธิจุลนิยม" ซึ่งส่วนตัวแล้วได้ยินคำนี้แล้วนึกถึง พวกจุลินทรีย์ กับ กล้องจุลทรรศน์ยังไงก็ไม่รู้แหะ
เอาล่ะ..จะเป็นภาษาวิชาการ หรือภาษาวิชาเกินก็ตาม แต่ ความหมายของ "น้อยแต่มาก"
และ
"ทำน้อยแต่คิดเยอะ"
เนี่ยมันทำให้สมองได้โลดแล่นร่าเริงสนุกสนานกับการที่เกิดมามีสมองที่เหนือกว่า
สัตว์ประเภทอื่น ๆ ถ้าใครยังไม่เข้าใจ "มินิมอล" ก็ขออธิบายให้จีวรปลิว ณ ทีนี้ว่า...
"เปรียบเหมือนพระนั่นแหละ ท่านปลงผม ใส่ผ้าพันกายแค่ชิ้นเดียว คือ จีวร ถือบาตร ไม่ใส่รองเท้า
แต่อุดมไปด้วยคุณค่าของการใช้วชีวิต เป็นมินิมอลลิสต์ที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน
ไม่มีอะไรเยอะเกินความจำเป็น"
ลองหันมาดูชีวิตคนอย่างเรา ๆ สิครับ...กว่าจะออกจากบ้านได้
หน้าผมต้องเป๊ะ ส่องแล้วส่องอีก เสื้อผ้าต้องเนี้ยบ ชุดชั้นในลายลูกไม้ กางเกงในจีสตริง
รองเท้าต้องเข้ากับใบหน้า เอ๊ย....!!! เข้ากัุบเสื้อผ้า นาฬิกาเครื่องประดับพร้อม นับไปนับมา
กว้่าจะออกจากบ้านมาเรียนได้ต้องเฟอร์นิเจอร์ไม่น้อยกว่า ๑๕ ชิ้น
แบบนี้ไม่เรียกว่ามินิมอลครับ....
ทีนี้ในงานโฆษณามันก็มีงานลักษณะนี้ออกมาท้าทายสมองคนดูโฆษณาอยู่เป็นประจำ
ผู้บริโภคงานโฆษณาส่วนหนึ่งก็ชื่นชอบงามลักษณะนี้ เพราะมันมีรูปแบบที่
"เรียบง่ายไม่มีองค์ (ประกอบ) เยอะ แต่เต็มไปด้วยไอเดียและความคิดเจ็บๆ จี๊ดๆ"
วันนี้เลยเอางานโฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์ที่ใช้หลักการของ "น้อยแต่ (ต้องคิด) มาก" มาฝากกันพอ
หอมปากหอมคอ ชิ้นไหนที่พอจะอธิบายเติมเข้าไปได้ก็จะทะลึ้งอธิบายให้ฟังไปด้วย
เนื้อหาของมินิมอลลิสต์นี้ นำไปใช้สอนในชั้นเรียนวิชาการสร้า่งสรรค์งานโฆษณา
เมื่อวันอังคารที่ ๒๖ กรกฎาคมที่ผ่านมา....
ผมเข้าชั้นเรียนเวลา ๑๒.๒๐ น. ก่อนเวลาเรียนที่นัดกันไว้ ๑๒.๓๐ น. เพราะตั้งใจว่าจะจบชั้นเรียน
ให้ได้ภายใน ๑ ชั่วโมงเท่านั้น >///<
เพราะอะไรต้องรีบไปรีบมา มาเร็วไปเร็ว ก็เพราะมันจะได้เข้ากับเนื้อหา
"(สอน) น้อย ๆ แต่ (ได้ความรู้) มากๆ ไงเล่าาาาาาาาาา!!!!!"
๑๒.๓๐ เป๊ะ...มีนักศึกษา ๗ คน ผมให้รางวัลการตรงต่อเวลาด้วยการเช็คชื่อและให้คะแนน
ในช่องการตรงต่อเวลาในการเข้าชั้นเรียน
ผมตั้งหัวพาวเวอร์พ้อยต์ด้วยชื่อเรื่อง ๑๒ Coolest Minimalist Print Ads
ซึ่งมีตัวอย่างงาน Minimalist Print จำนวน ๑๑ ชิ้น ดังต่อไปนี้ ฮิ้วววววว์......
๑. จัดไปเลยรูปแรก The power of imagination and the possibilities of the famous
building blocks are represented in this ad for Lego. ผมนึกถึงประโยคคลาสสิคของ
ไอน์สไตน์ ที่กล่าวไว้ว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" เด็ก ๆ มักจะคิดอะไรแปลกกว่า
ผู้ใหญ่เสมอ ๆ ล่ะครับ ไอ้เลโก้สองชิ้นนั้น ลองเอาให้ผู้ใหญ่คิดบางทีคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่า
จะจินตนาการให้มันเป็นอะไรดี
This ad employs a simple yet suggestive design to represent McDonald’s
‘Wi-Fries’ Internet connections.
๒. จัดงานที่สอง ตามมาติด ๆ อาหารขยะอย่างแมคโดนัลด์นี่ งานโฆษณาของเค้าไม่ใช่ขยะเลยนะครับ
งานนี้ต้องการบอกว่า ที่แมตคโดนัลด์มีบริการ Free Wi-fi น๊าาาาา!!! มากินมาเล่นกันที่นี่เร๊ววว!!!
จัดเฟร้นฟรายเป็นรูปสัญญลักษณ์วายไฟ แล้วเล่นกับคำ Wi-fi กับ French Fries (‘Wi-Fries)
ก็เป็นมินิมอลลิสต์งามๆ ได้อีกชิ้น
Ad for a gadget that means you can start your car from a distance.
๓. สำหรับผมชิ้นนี้ "แม่งงงงงสุดติ่ง" มินิจริง ๆ เพราะไอ้รถคันเล็ก ๆ ที่อยู่กลางภาพนัั่ั่น
สร้างความน่าสนใจให้ผมมากว่า มันรถยี่ห้ออะไร (วะ) ฮา................................
แต่โจทย์ของการขายสินค้า คือ ขายรีโมทคอนโทรล และคุณประโยชน์ของสินค้า คือ
การเปิดได้จากระยะไกล (แต่มันจะเปิดระยะไกลไปทำไมนะ ><"
The message of this ad is that smoking is prohibited inside Singapore’s pubs, clubs
and restaurants, so smoke outside.
๔. ชิ้นต่อมา เป็นเรื่องของโฆษณาเพื่อการรณรงค์บ้าง สิงคโปร์เค้าต้องการกระชับพื้นที่
ให้คนสูบบุหรี่ออกไปเจอเอ็ม ๗๙ ที่สวนลุม (แหะๆ)
ให้คนสูบบุหรี่ในผับในร้ายอาหาร ออกไปสูบข้างนอกโน้่น จะได้ไม่รบกวนพวกที่รักสุขภาพ
ด้วยความคิดง่าย ๆ แค่ กลับด้านของบุหรี่ก็ตอบโจทย์ Inside / Out Side ได้อย่าง่ายดาย
สมเป็นงานแบบ มินิมอลของเราจริง ๆ (ปรบมืออออออออออ)
This ad for Hut Weber shows how a hat can make all the difference in our perception
of an individual.
๕. เป็นงานอีกชิ้นที่ไม่ง่ายเลย โฆษณาขาย "หมวก" ครับ แค่ตัวสินค้ามันก็ขายยากอยู่แล้ว
ไม่ค่อยเห็นพริ้นท์แอดที่ร้านขายหมวกอย่าง Hut Weber จำเป็นต้องลงทุน
แต่ถ้าทำเอา "มัน" ทำเอา "โลห์" ล่ะก็ ชิ้นนี้ผมให้ทั้งมันทั้งโล่ห์ แนวคิดของงาน คือ
"แค่สวมหมวกก็สรา้งความแตกต่างได้"
หนวดจิ๋ม ๆ ทางซ้ายกับผมเรียบแปล้ เป็นสัญลักษณ์ที่ส่งไปถึง "ฮิตเลอร์" เผด็จการเยอรมัน
ได้ง่าย ส่วนทางด้านขวา....
เอิ่ม...พี่ครับ พี่คิดได้ไงเนี่ยครับ เอาหมวกมาใส่แค่ใบเดียว จากฮิตเลอร์แม่งงงงงงงง
กลายเป็นชาร์ลี แชปลิน
จากเผด็จการที่น่ากลัว กลายเป็น บุคคลที่สร้างรอยยิ้มให้คนทั้งโลก (ด้วยหมวกใบเดียว)
(ปรบมือยาว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ)
๖. ชิ้นนี้ส่วนตัวแล้วเฉย ๆ นะ เหมือนจะเดจาวู เคยเห็นงานแบบนี้มาตลอด ๒๐ ปี
คือถ้าจะแสดงความมึนความเมา ก็ต้องแบบนี้แหละ
ก็คนเค้าจะขายเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ก็ต้องเปรียบเทียบให้เห็นกันแบบนี้แหละ
ปล. ถ้ากินเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ พี่ ๆ ไปกินน้ำเปล่ากันดีกว่ามั้ย???
ปล. ๒ เบียร์ช้างก็เหมือนจะเป็นเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์นะครับ เพราะสโลกแกนเค้าบอกว่า
"กินแล้วภาคภูมิใจ เบียร์คนไทยทามมมมมเองงงงงง" ถ้ากินแล้วภาคภูมิใจโดยไม่เมา
ผมก็ขอกินยร่ห้ออื่นล่ะกันนะพี่แอ๊ดนะ ><
งานทั้งหมดนี้ไปรื้อมาจาก http://www.dzinepress.com/2010/02/30-coolest-minimalist-print-ads/
ขอให้เครดิตไว้ ณ ที่นี้ด้วย
...........................................................
ชุดต่อมาเป็นเรื่องของ เรื่องสั้น ๆ อย่าง Short Film งานแคมเปญหนังสั้นทั่วโลก
นี่มีไอเดียเรื่องโปสเตอร์ที่ท้าทาย เพราะคอนเซปไม่เคยหนีไปจาก "สั้น กระชับ รวดเร็วจนเกินปกติ"
นักออกแบบต้องทำงานหนักพอควร เพื่อสื่อสารแนวคิดเดิม ๆ ให้สดใหม่อยู่เสมอ
ไม่ต้องอธิบายกันมาก ดูและคิดต่อเอาเองเลยว่า ถ้าเป็นคุณคิดจะนำเสนอเรื่อง
"สั้นๆ " ที่ดูเหมือน "ง่าย" นี้ได้อย่างไร
ที่มาของภาพ http://adrianpatino.com/print-design/
งานสุดท้ายเนี่ย
กระป๋องข้าวโพดกับเม็ดข้าวโพดเม็ดเดียวนี่ ได้ใจครับ เพราะ "หนังกับป็อบคอร์น"
มันเชื่อมโยงกันได้ชัดเจนมาก
น้อมคารวะผู้ออกแบบงานทุกชิ้นเป็นครู
ดร.วรัตต์ อินทสระ
ผมชอบอันที่ 3 เหมือนกัน สุดติ่งจริงๆ ตอนเรียนเคยคิดอยากทำแบบนี้นะครับ ท้าท้ายอาจารย์โดยทำโฆษณา ยาน้ำระดมพล แต่ต้องการให้ AD ตัวนี้อยู่แค่ในกระดาษใบขาวๆ ว่างเปล่าแล้วโปรยด้วยคำเท่ๆ สรุป เละไม่เป็นท่า 55...ว่าแต่สำหรับผู้ที่คิดจะเริ่มเรียนโฆษณา เมื่อมาเห็น AD พวกนี้จะรู้ไหมนะว่าไอที่น้อยๆง่ายๆเนี่ย กว่ามันผ่านกี่กระบวนการกว่าจะออกมาเป็น AD ชิ้นนึงได้ ฮ่าฮ่า ปวดหัวระยับ
ตอบลบไอเดียเจ๋งๆแบบนี้ น่าจะเห็นในบ้านเราบ้างนะ
ตอบลบ